ถ้าพูดถึงน้ำยาปรับผ้านุ่ม หลาย ๆ คนคงจะคิดถึงเรื่องกลิ่นก่อนเป็นอันดับแรก เพราะคุณแม่บ้านทั้งหลายใช้เรื่องกลิ่นเป็นตัวตัดสินใจในการซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่ม ยิ่งกลิ่นแรงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งชอบ แต่หารู้ไม่ว่า กลิ่นเหล่านั้นมักจะเป็นกลิ่นที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมา หรือจะพูดสั้น ๆ ว่าเป็นสารเคมีนั่นเอง และสารที่เคลือบผ้าที่ทำให้เรารู้สึกลื่น ๆ นุ่ม ๆ สารนั้นคือสารอะไร วันนี้แอดมินจะมาบอกความลับทั้งหมดของน้ำยารับผ้านุ่มที่คุณไม่เคยรู้
การทำงานหลัก ๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- ช่วยให้ผ้านุ่มลื่น
น้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำให้ผ้านุ่ม ลื่น เพราะมีสารบางชนิดในน้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำการเคลือบผ้าเอาไว้ เมื่อสวมใส่จึงรู้สึกดีเมื่อเนื้อผ้าสัมผัสกับผิว - กลิ่นหอมชวนดม
เหตุผลหลัก ๆ ที่หลาย ๆ คนใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็เพราะเรื่องความหอม ลดกลิ่นอับชื้นนี่แหล่ะ ยิ่งกลิ่นของยี่ห้อไหนติดทน ติดนานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นเท่านั้น
แต่หารู้มั้ยว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มมักมากับสารเคมีอันตราย !?!
- สารบางชนิดที่ว่า ก็คือ สารควอท (Quats) : แม้จะทำให้ผ้านุ่มลื่นอย่างที่หลาย ๆ คนชอบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว สารควอทนี้เป็นตัวการหลักที่อาจทำให้คนแพ้น้ำยาปรับผ้านุ่ม โดยทำให้ผิวของเรานั้นระคายเคือง
- น้ำหอม : กลิ่นหอมที่ดึงดูดใจ แต่หลาย ๆ คน คงจะเคยเจอประสบการณ์ที่ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเยอะ ๆ เพื่อที่จะให้เสื้อผ้าหอม แต่ดันกลายเป็นฉุนจนปวดหัว นั่นก็เพราะเป็นน้ำหอมทำมาจากสารปิโตรเคมีจำนวนมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง รวมทั้งอาจรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายอีกด้วย
- สารกันบูด: ผู้ผลิตใส่สารกันบูดเพื่อทำให้น้ำยาปรับผ้านุ่มมีอายุประมาณ 2 ปี สารกันบูดใส่เพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อโรค อย่างไรก็ตาม สารกันบูดมีหลายกลุ่ม ทั้งที่ทำมาจากปิโตรเคมีและจากธรรมชาติ สารกันบูดบางกลุ่มอาจทำให้เกิดการแพ้หรือการระคายเคืองได้
ฉะนั้นการเลือกซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นเป็นเรื่องสำคัญ โดยการเลือกซื้อควรอ่านฉลากที่หลังขวดก่อนซื้อ และควรเลือกซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ทำมาจากธรรมชาติ หรือเลือก Pipper Standard Fabric Softener ผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตราย ไม่มีสารควอท ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ตามมาตรฐาน US FDA กลิ่นหอมจากน้ำหอมไฮโปอัลเลอเจนิกส์ผ่านการทดสอบการแพ้และการระคายเคืองควบคุมโดยแพทย์ผิวหนัง
