
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมเราจึงเน้นย้ำให้ความสำคัญกับคำว่า “สุขภาพดีเริ่มต้นที่บ้าน” ถึงขนาดเขียนอยู่บนฉลากของผลิตภัณฑ์ทุกตัว นอกจากประสบการณ์แพ้สารเคมีของคนในบ้านแล้ว เราอยากให้ข้อมูลวงกว้างเพื่อให้ทุก ๆ คนตระหนักถึงอันตรายจากสารเคมี ที่อยู่ใกล้ตัว อย่างที่เราอาจไม่คาดคิด
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการเกิดภูมิแพ้ทั่วโลกสูงขึ้นถึง 2 เท่าและอาจมากกว่านั้นในบางประเทศ
ในประเทศไทย จากงานวิจัยโดย เด็กในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีอาการภูมิแพ้สูงขึ้นเกือบ 50% ในปัจจุบัน ซึ่งอัตราการเกิดภูมิแพ้นี้ สูงขึ้นกว่า 10 ปีก่อนถึงเกือบ 2 เท่าตัว ในประเทศสหรัฐอเมริกา 1 ใน 5 ของคนอเมริกัน หรือ 60 ล้านคนมีอาการภูมิแพ้ เราเชื่อว่าสองปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดภูมิแพ้สูงขึ้นทั่วโลก คือ หนึ่ง การปนเปื้อนสารเคมีในสิ่งแวดล้อม ทั้งเขม่าควันเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม จากรถยนต์ และระบบคมนาคมขนส่งที่ใช้น้ำมันดิบเป็นสารตั้งต้น การแพร่หลายของพลาสติกในทุกๆอุตสาหกรรม และสอง คือการนำเอาน้ำมันดิบมาทำเป็นสารเคมีเพื่อช่วยซักล้าง ทำความสะอาดอย่างแพร่หลาย
ความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป
หลายคนสงสัยว่า ทำไมเด็กและคนรุ่นหลัง จึงมีปัญหาภูมิแพ้มากกว่าคนรุ่นพ่อแม่ หรือรุ่นปู่ย่า ตายาย เราเชื่อว่านอกจาก การปนเปื้อนของปิโตรเคมีในสิ่งแวดล้อมและการนำเอาสารเคมีจากปิโตรเคมีหรือน้ำมันดิบมาดัดแปลงเป็นของใช้ บรรจุภัณฑ์ และสารทำความสะอาดแล้ว ความเป็นอยู่ของคนก็เปลี่ยนไปด้วย ในอดีตเราอาศัยอยู่ในบ้านที่เปิดหน้าต่าง บ้านมีการระบายอากาศลดความร้อนตามธรรมชาติ ปัจจุบันคนส่วนมากอาศัยอยู่ในคอนโด และทำงานในออฟฟิศ และอาศัยเครื่องปรับอากาศในการลดความร้อน ดังนั้นแล้ว สารปิโตรเคมีใด ๆ ในบ้าน ไม่ว่าจะอยู่ในขวดน้ำยาทำความสะอาดหรือสเปรย์ปรับอากาศ เมื่อนำเข้ามาในบ้านหรือ ออฟฟิศแล้ว คนในบ้านหรือคนในออฟฟิศเป็นผู้สูด ดม หรือสัมผัสโดยตรงทั้งสิ้น

เหตุการณ์ภูมิแพ้
จากเหตุการณ์ภูมิแพ้ของคุณปีเตอร์ เมื่อปี 2010 ซึ่งในตอนแรก เราไม่รู้ว่าคุณปีเตอร์แพ้อะไร เราใช้เวลาค้นหากันอยู่นานว่าคุณปีเตอร์ แพ้อาหาร หรือ สารเคมีที่ออฟฟิศ หรืออย่างไร การหาสารก่อภูมิแพ้ครั้งนั้นกินเวลาหลายเดือน อาการภูมิแพ้ของคุณปีเตอร์ก็แย่ลง จากอาการคันผิว ก็ลามไปถึงระบบทางเดินหายใจ คือมีอาการหืดหอบด้วย
ท้ายสุด เราพบว่าคุณปีเตอร์แพ้สารเคมีในน้ำยาปรับผ้านุ่ม เหตุการ์ครั้งนั้นทำให้เราเรียนรู้ว่ามีสารปิโตรเคมีจำนวนมากในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลเสื้อผ้าและการจะซักเอาน้ำยาปรับผ้านุ่มออกจากเสื้อผ้า เป็นเรื่องยากมากอาจจะกำจัดออกหากผ่านการซัก 4-5 ครั้ง นอกจากนั้นผ้าที่เปื้อนน้ำยาปรับผ้านุ่ม ถ้าไปวางทับปนกับผ้าผืนอื่น ก็จะทำให้ผ้าผืนอื่นเปื้อนติดน้ำยาปรับผ้านุ่มได้ นี่จึงเป็นเหตุให้เราสองคนต้องทิ้งเสื้อผ้ากันคนละตู้ เพื่อเอาสารก่อภูมิแพ้ออกจากบ้านให้เร็วที่สุด

เราเลือกได้สำหรับบ้านของเรา
หลังจากเหตุการณ์ภูมิแพ้ครั้งนั้น เราพยายามเลือกใช้สินค้าที่ทำจากธรรมชาติ การอ่านฉลากเพื่ออ่านส่วนผสม และทำความเข้าใจว่า ส่วนผสมนั้นทำมาจากอะไรด้วยตัวของเราเอง เป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเราเป็นผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือนเข้าบ้าน และในบ้านมีเด็ก ผู้สูงวัย และคนที่มีปัญหาภูมิแพ้อยู่ในบ้าน หลายคนอาจไม่รู้ว่า สารปิโตรเคมีอันตรายกว่าที่เราคิด สารเคมีที่ทำจากน้ำมันดิบ ผ่านกระบวนการทางเคมี เพื่อให้กลายเป็นสารใหม่คือสารทำความสะอาด อย่างไรก็ตามสารทำความสะอาดเหล่านี้อาจมีการปนเปื้อนตั้งแต่ต้น และเมื่อเจอสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปเช่นเจอความร้อน ความดัน ความเป็นกรด ด่าง สารเคมีเหล่านี้อาจเปลี่ยนสภาพได้ และเมื่อเปลี่ยนสภาพแล้วก็จะมี by-product ที่อันตรายอย่าง 1-4 ไดออกเซน หรือ ฟอร์มัลดีไฮด์ออกมา

เกี่ยวกับผู้เขียน: ศิริลักษณ์ ณรงค์ตะณุพล เป็นผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ผลิตภัณฑ์พิพเพอร์ สแตนดาร์ด ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากธรรมชาติ ทำจากนวตกรรมสับปะรดหมัก กลุ่มสินค้าพิพเพอร์ สแตนดาร์ดประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ซักผ้า ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบ ผลิตภัณฑ์ล้างจาน ผลิตภัณฑ์ถูพื้น ผลิตภัณฑ์ล้างห้องน้ำ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอเนกประสงค์ และผลิตภัณฑ์สบู่เหลวและโฟมล้างมือ รู้จักผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมที่ www.pipperstandard.com