
ผู้สัมภาษณ์ : อยากให้คุณเจงขยายความเรื่องที่พูดในงานของดีทั่วไทย การสร้างน้ำยาล้างจานเพื่อคุณพ่อค่ะ
คุณเจง : ค่ะ ขอเล่าประวัติคุณพ่อนิดนึงนะคะ คุณพ่อชื่อคุณสุธิชัย ณรงค์ตะณุพล เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เกิดที่จังหวัดราชบุรี แต่มาโตและตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ ครอบครัวของเรามีธุรกิจทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์มากว่า 40 ปี ปีนี้คุณพ่อ อายุ 76 แล้ว คุณพ่อถือเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของครอบครัว เป็นคนขยัน อดทน ซื่อสัตย์ และเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตให้กับลูกหลานมาโดยตลอด คุณพ่อเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่เกิดเพราะติดมาจากคุณย่า เมื่อประมาณปี 2555 ตอนนั้นคุณพ่ออายุประมาณ 67 ปี เริ่มทราบว่ามีการอักเสบมากขึ้น เริ่มต้องกินยาต้านไวรัส และคอยตรวจ MRI ตับมาโดยตลอด คุณพ่อเคยผ่าตัดใหญ่ 2 ครั้งเพราะเจอการเติบโตที่ไม่ปกติในตับ แม้ว่าตับจะเป็นอวัยวะที่สร้างเองใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบบี คุณหมอแนะนำให้เคร่งครัดในการไม่ดื่มแอลกฮอลล์ กินอาหารสะอาด สุก ใหม่ หลีกเลี่ยงสารเคมีทุกชนิด ไม่กินยาโดยไม่จำเป็น และออกกำลังกาย(เท่าที่ทำได้)เป็นประจำ ซึ่งคุณพ่อปฏิบัติโดยเคร่งครัดมาตลอด

อย่างที่ทราบกันว่า ตับเป็นอวัยวะที่คอยทำลายสารพิษที่ร่างกายได้รับ คุณพ่อทราบดีว่าตับของตัวเองมีเหลือน้อยจากการผ่าตัด และไม่แข็งแรงสมบูรณ์เท่าคนทั่วไป จึงต้องระวังเรื่องสารเคมีที่เข้าสู่ร่างกายเป็นอย่างมาก คุณพ่อจะทำอาหารกินเองทุกเช้า ถึงขนาดไปตลาด ซื้อผัก ซื้อเนื้อ แช่ผัก ล้างผักเอง เพราะกลัวยาฆ่าแมลง สารเคมีที่อาจตกค้าง หลังจากที่เจงและคุณปีเตอร์ ออกผลิตภัณฑ์ซักผ้าพิพเพอร์ สแตนดาร์ด เมื่อปี 2014 คุณพ่อบอกว่า “ช่วยทำน้ำยาล้างจานที่ปราศจากสารเคมี เพื่อคนที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและต้องการการดูแลเรื่องสารเคมีตกค้างเป็นพิเศษ” คือคุณพ่อเห็นว่า แม้อาหารจะสะอาดแล้ว แต่ถ้าจานยังมีสารเคมีตกค้าง เราก็ต้องกินสารเคมีที่เหลือบนจานอยู่ดี จึงเกิดเป็นที่มาของการคิดสูตรน้ำยาล้างจานจากธรรมชาติพิพเพอร์ สแตนดาร์ดของเราค่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : อยากให้เล่าให้ฟังว่า ทำน้ำยาล้างจานจากธรรมชาติยากอย่างไรคะ
คุณเจง : น้ำยาล้างจานถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างยากในการทำสูตร เพราะอาหารไทยนั้นขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นและคราบมัน และต้องสามารถตอบโจทย์ไม่ระคายเคืองผิวของคนล้าง เราใช้เวลาอยู่เกือบ 2 ปีกว่าจะลงตัว หลังจากที่เราทดสอบแล้วว่า น้ำยาล้างจานสามารถขจัดคราบและกลิ่นไขมันอาหารได้ดีแล้ว เราติดต่อไปที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียว เพื่อร่วมกับคณะอาจารย์ ในการใช้เครื่องมือในการวัดความชุ่มชื้นของผิวหนัง ทั้งก่อนและหลังล้างจาน โดยเทียบทั้งน้ำยาล้างจานเคมีทั่วไป และน้ำยาล้างจาน พิพเพอร์ สแตนดาร์ด ผลการทดสอบครั้งนั้น ทำให้เรามั่นใจในเรื่องการไม่ระคายเคืองผิว และเรายังส่งน้ำยาล้างจาน พิพเพอร์ สแตนดาร์ด ไปทดสอบการระคายเคืองผิวที่สถาบันเดิร์ม สแกนเอเชีย อีกด้วยค่ะ

ถ้าถามว่า น้ำยาล้างจานพิพเพอร์ สแตนดาร์ดขจัดคราบและกลิ่นอาหารได้อย่างไร ส่วนหลักมาจากน้ำหมักสับปะรด ซึ่งเราใช้จุลินทรีย์แลกโตบาซิลลัส ซึ่งเป็นโปรไบโอติกส์แบคทีเรียแบบเดียวกับที่ใช้ในการทำโยเกิร์ต เปลี่ยนน้ำตาลในผลไม้ ให้เป็นกรดธรรมชาติ ไบโอเซอร์แฟคแทนท์ และเอนไซม์โบรมีเลนในการช่วยทำความสะอาด ข้อดีของสารธรรมชาติคือสารธรรมชาตินั้นอ่อนโยน ทว่าทรงพลัง สามารถทำความสะอาดได้ดีเทียบเท่ากับสารทำความสะอาดจากสารเคมี แต่อ่อนโยน ปลอดภัยต่อสุขภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ
ผู้สัมภาษณ์ : ขอขอบคุณ คุณเจง ที่มาแชร์ความรู้และประสบการณ์ในวันนี้ค่ะ
คุณเจง : ยินดีค่ะ
ยังมีเรื่องราวและประสบการณ์ดี ๆ จากแบรนด์พิพเพอร์ สแตนดาร์ด อีกมากมายที่คุณเจงยินดีเล่าสู่กันฟัง ติดตามได้ในบทความต่อไปค่ะ