ทำไมถึงชื่อ พิพเพอร์ สแตนดาร์ด

     จากบทความแรก “คนข้างคนเป็นภูมิแพ้” คุณเจง ศิริลักษณ์ ณรงค์ตะณุพล ผู้ร่วมก่อตั้ง แบรนด์ พิพเพอร์ สแตนดาร์ด ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์พิพเพอร์ สแตนดาร์ด และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี หลายคนอาจสงสัย ว่า “พิพเพอร์ สแตนดาร์ด” ชื่อนี้ได้มาอย่างไร มาหาคำตอบได้ในบทความนี้ค่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : ทำไมถึงตั้งชื่อ พิพเพอร์ สแตนดาร์ด คะ

คุณเจง : สำหรับชื่อแบรนด์ คุณปีเตอร์กับเจงคิดชื่อกันอยู่นานค่ะว่า เอาชื่ออะไรดี เพราะเราอยากให้เป็นชื่อที่คนจำได้ เรียกง่าย และบอกความเป็นตัวตนของเรา ตอนแรก เราคิดถึงคำจำพวก กรีน  คลีน อะไรต่างๆ แต่ พอเราลองค้นหาในกูเกิ้ลดู เราพบว่าชื่อพวกนี้เป็นชื่อแบรนด์ทำความสะอาดที่คนใช้แล้วเยอะมาก  เราก็เลยมาคิดใหม่ ว่าจะหาชื่อที่บอกตัวตน ของเราได้อย่างไร ท้ายสุด เรานึกได้ว่า คุณแม่ของคุณปีเตอร์ เรียกคุณปีเตอร์ว่า “พิพ” หรือ” พิพเพอร์” เมื่อเอามารวมกับคำว่า “สแตนดาร์ด” ที่แปลว่า มาตรฐาน ก็เลยหมายถึงมาตรฐานของคุณปีเตอร์ ซึ่ง(คุณปีเตอร์)เป็นทั้งภูมิแพ้และไซนัส  เป็นคนผิวแพ้ง่าย และเป็นคนที่แพ้สารเคมีอย่างมาก ถ้าใคร รู้จักคุณปีเตอร์ จะรู้ว่า(คุณปีเตอร์)จะค่อนข้างเยอะมากค่ะ(หัวเราะ) คือเรียกว่า คุณปีเตอร์ เป็นคนระวังตัวมากกว่า  เป็นคนกินคลีน ออกกำลังกายเป็นประจำอาทิตย์ละ 5 วัน ฝุ่น pm มา คุณปีเตอร์ซื้อเครื่องฟอกอากาศ 6-7 ตัวไว้ที่บ้าน และที่ทำงาน และยังซื้อเครื่องฟอกอากาศแบบอุตสาหกรรมไว้ที่ออฟฟิศด้วยค่ะ เจงเองก็เข้าใจ เพราะเราเคยเห็นเค้าไม่สบาย เป็นไซนัสที ต้องกินยาฆ่าเชื้อทีเป็นเดือน สองเดือน ที่กล่าวมาเป็นมาตรฐานทางด้านร่างกายของคุณปีเตอร์

แต่ถ้าพูดถึงมาตรฐานทางด้านจิตใจ คุณปีเตอร์เป็นคนมาตรฐานสูง เป็นคนจริงจัง เป็นนักกีฬา ชอบเดินป่า รักธรรมชาติ  สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุให้เราเลือกสร้าง เลือกผลิตของที่ยาก ของที่ไม่เคยมีคนทำขึ้นมา และทำให้เรา เลือกคนในทีมงานที่มีจิตใจคล้ายกัน ร่วมกันสร้างผลิตภัณฑ์พิพเพอร์ สแตนดาร์ดขึ้นมาค่ะ

คำว่าสแตนดาร์ด หรือมาตรฐาน ยังมีอีกนัยหนึ่ง คือคุณปีเตอร์และเจงเชื่อว่า เราคิดค้นการทำความสะอาดจากธรรมชาติมาตรฐานใหม่  เพราะจากการที่เราเอาสับปะรด มาหมักด้วยเชื้อแลกโตบาซิลลัสบริสุทธ์ ซึ่งเป็นโปรไบโอติกส์ แบคทีเรีย (แบคทีเรียที่ดีที่เราพบในโยเกิร์ต) ทำให้เราสามารถ เปลี่ยนน้ำตาลในผลไม้ เป็นกรดธรรมชาติ ไบโอเซอร์แฟคแทนท์ และเอนไซม์หลายชนิด ที่ช่วยในการทำความสะอาด  โดยที่เราไม่จำเป็นต้องใส่สารเคมีจากปิโตรเคมีอันตราย 

ในปัจจุบัน คนอาจจะเห็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ “ผลิตจากธรรมชาติ” เยอะมาก จึงขออธิบายนิดนึงค่ะว่า สารซักล้างที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดนั้น ทำออกมาได้จาก 2 ทาง ทางแรกทำมาจากปิโตรเคมีหรือน้ำมันดิบ  อีกทางหนึ่งคือทำมาจากไขมันพืช  สารซักล้างที่ทำมาจากปิโตรเคมีหรือน้ำมันดิบ อาจมีสารปนเปื้อนจากปิโตรเคมี ซึ่งเป็นอันตรายต่อคน และสิ่งแวดล้อม  สารซักล้างจากไขมันพืชหรือจากธรรมชาติ ปลอดภัยกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ระคายเคือง  การระคายเคืองหรือไม่ขึ้นอยู่กับปริมาณของสารซักล้างที่ใส่  นอกจากนั้น ชนิดและปริมาณของน้ำหอมที่ใส่ รวมทั้งชนิดและปริมาณของสารกันบูดที่ใช้ (ในผลิตภัณฑ์) ล้วนเป็นเหตุในการทำให้เราจะระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดได้ทั้งสิ้น  การที่ผลิตภัณฑ์พิพเพอร์ ไม่ต้องใส่สารเคมีอันตรายก็เพราะการหมักทำให้เกิดสารซักล้างจากธรรมชาติ และสารกันบูดธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติให้มาอยู่แล้วค่ะ    

อย่างไรก็ตามของที่ทำมาจากการหมักจากธรรมชาติ จะมีกลิ่นเฉพาะตัว และเมื่อเราไม่ได้ใส่น้ำหอม คือเราใส่แต่น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ(Essential oil)ซึ่งกลิ่นจะอ่อนกว่าน้ำหอมสังเคราะห์มาก ทำให้น้ำยาซักผ้าอาจมีกลิ่นน้ำหมักแทรกขึ้นมา  ก็จะทำให้คนสงสัยว่า กลิ่นน้ำยาซักผ้าพิพเพอร์แปลกจังเลย ทำไมไม่หอม(แบบเคมี)  ตอนเราออกน้ำยาซักผ้าช่วงแรกๆ บางคนถึงกับเปรียบผลิตภัณฑ์ของเราว่า ถ้าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเป็นอาหาร  ผลิตภัณฑ์พิพเพอร์ สแตนดาร์ดจะต้องเป็นอาหารคลีน (หัวเราะ) บอกว่าเป็นของดี(ต่อสุขภาพ) แต่คนอยากได้รสชาติ(หมายถึงกลิ่น ที่หอม แรงกว่านี้) 

ส่วนตัวเราอยากให้คนได้ลองใช้นะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บ้านที่มีเด็ก ผู้สูงอายุและผู้ป่วย หรือคนที่รักสุขภาพ หากได้ลองจะได้สัมผัสถึงประสบการณ์ใหม่ในการซักผ้า คือฟองน้อย ล้างออกง่าย และกลิ่นขณะซักจะเป็นคนละแบบกับน้ำยาซักผ้าเคมี  คือกลิ่นจะคล้ายๆสปา และเมื่อซักเสื้อผ้าเสร็จ เสื้อผ้าจะไม่มีกลิ่นเลยค่ะ ที่สำคัญคือไม่มีสารเคมีตกค้าง ปลอดภัยต่อทุกๆ คนและสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ

ผู้สัมภาษณ์ : เรื่องราวของแบรนด์พิพเพอร์ สแตนดาร์ด ยังไม่ได้จบเพียงเท่านี้ คุณเจงมีเรื่องราวดีๆ มากมายและยินดีที่จะเล่าสู่กันฟัง ติดตามต่อได้ในบทความต่อไปค่ะ

รู้จักผลิตภัณฑ์พิพเพอร์ สแตนดาร์ด เพิ่มเติมได้ที่ www.pipperstandard.com

Leave a Comment

This site is registered on wpml.org as a development site.